1.การกำหนดแนวทางขยายอาชีพ
1.1
เหตุผลการขยายขอบข่ายอาชีพ
เหตุผลความจำเป็นในอาชีพที่กล่าวไว้ในเบื้องต้นสามารถสรุปเหตุผลของการขยายขอบข่ายอาชีพได้
ดังนี้
1.สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ
2.สภาพแวดล้อมทางสังคม
3.สภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรม
4.สภาพแวดล้อมทางสิ่งแวดล้อม
ในการปฏิบัติเหตุผลในการขยายขอบข่ายอาชีพ
ในแต่ละสภาพแวดล้อมนั้นไม่อิสระต่อกัน แต่มีความเชื่อมโยงผูกพันกัน
และเป็นไปเพื่อการเพิ่มรายได้ของอาชีพหลักที่จะผลิตผลมาหมุนเวียนเปลี่ยนรูปสร้าง
มูลค่าเพิ่ม ดังตัวอย่างตามแผนภูมินี้
1.2
ความคิดรวบยอดของหลักการขยายอาชีพ ในการกำหนดแนวทางขยายอาชีพ
เราควรสรุปกิจกรรมหลักของการขยายอาชีพให้มองเห็นชัดเจนเป็นความคิดรวบยอดที่ประกอบด้วย
ปัจจัยนำเข้าเพื่อการขยายอาชีพ คืออะไร
กระบวนการผลิตทำอย่างไรและสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้น ดังตัวอย่างนี้ใช้ยอดและหัวมันเทศไม่ได้มาตรฐาน
มาแปรรูปเป็นอาหารให้หมูกิน ใช้เวลาเลี้ยงไม่เกิน 4
เดือนจะได้น้ำหนักเฉลี่ยตัวละ 90 กก.
1.3
วิเคราะห์พอเพียงในการดำเนินงานเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากผู้เรียน
สามารถหาเหตุผลและสร้างความคิดรวบยอดได้ แล้วนำความเข้าใจ
มาวิเคราะห์หาปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรการผลิต ประกอบด้วย
ผลผลิตที่จะทำการลดต้นทุน และตัวแปรความพอเพียงที่ประกอบด้วยความมีเหตุผล
ความพอเพียง ภูมิคุ้มกัน ความรอบรู้และคุณธรรม
ผลการวิเคราะห์จะทำให้มองเห็นสิ่งที่เกิด
และสิ่งที่จะต้องทำในขอบเขตของความพอเพียง ดังนี้
1.4
การกำหนดแนวทางขยายอาชีพ
หลังจากนำความคิดรวบยอดการขยายขอบข่ายอาชีพมาวิเคราะห์ความพอเพียงในการดำเนินการจะทำให้เราเห็นสภาพปฏิสัมพันธ์
ระหว่างตัวแปรการผลิตกับตัวแปรปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่จะบอกให้เรารู้ว่าความคิดการขยายอาชีพเหมาะสมที่จะทำหรือไม่จากตัวอย่างการวิเคราะห์เราจะพบว่าตัวแปรทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะควบคุมความคิดของเราให้อยู่ในขอบข่ายที่เหมาะสมมีภูมิคุ้มกัน
โอกาสประสบความสำเร็จมีสูงการกำหนดแนวทางของอาชีพ
จึงอาศัยความรู้ที่ได้จากผลการวิเคราะห์มากำหนดโดยใช้วงจร I-P-O(ปัจจัยนำเข้า-กระบวนการ-ผลผลิต) เป็นฐานในการกำหนดแนวทางขยาย
อาชีพดังตัวอย่างนี้จากแนวทางการขยายอาชีพดังกล่าวนี้ จะทำให้เรามองเห็นภาพชีวิตของงานอย่างแจ่มชัดด้วยตนเองสามารถนำไปสู่การเรียนรู้เพื่อการขยายขอบข่ายอาชีพสู่ความเข้มแข็ง
ยั่งยืนต่อไป
1.5
การจัดการความรู้กรอบความคิดการจัดการความรู้จากรูปสามารถอธิบายได้ว่า
การจัดการความรู้เป็นรูปแบบที่มีองค์ประกอบร่วม
คือองค์กรหรือบุคคลในการประกอบอาชีพ กรอบความรู้ของอาชีพ
และการปฏิบัติการอาชีพที่มีเป้าหมายสร้างความเข้มแข็ง มั่นคงยั่งยืนให้กับอาชีพ
ดังนั้นการประกอบอาชีพจึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนากรอบความรู้ของตนเองให้ยกระดับความรู้พอเพียงที่จะใช้ปฏิบัติการ
สร้างอาชีพสู่ความเข้มแข็งยั่งยืนของกลุ่มอาชีพจากสาระข้างต้นอาจจะสรุปรูปแบบการจัดการความรู้ได้เป็น
2 ขั้นตอน คือ
1.
การยกระดับความรู้ของการประกอบอาชีพ
2.
การปฏิบัติการใช้ความรู้สร้างความเข้มแข็ง มั่นคง ยั่งยืน ให้อาชีพ
(จะกล่าวในบทต่อไป) การยกระดับความรู้ของการประกอบอาชีพ
เป็นกิจกรรมจัดการกรอบความรู้ของการประกอบอาชีพ ให้ยกระดับความรู้สูงขึ้นเป็นระยะ
ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ปฏิบัติการในระบบของธุรกิจอาชีพให้เกิดความเข้มแข็ง
ยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมไม่น้อยกว่า 5 กิจกรรม คือ
1.
กำหนดหัวข้อความรู้เพื่อใช้พัฒนาธุรกิจอาชีพว่าควรจะมีหัวข้อความรู้อะไรบ้าง
ที่สามารถครอบคลุมใช้พัฒนาการดำเนินสู่ความเข้มแข็งมั่นคงยั่งยืนได้
2.
การแสวงหาความรู้ เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากการระบุหัวข้อความรู้
คณะทำงานของกลุ่มอาชีพจะต้องปฏิบัติการสืบค้นข้อมูลสารสนเทศจากภูมิปัญญาในกลุ่มอาชีพและแหล่งความรู้ต่าง
ๆ โดยใช้กระบวนการ ดังนี้
3.
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
เพื่อสรุปแนวทางการพัฒนาเป็นกิจกรรมที่ให้คณะทำงานแยกกันไป
แสวงหาความรู้
ทำผลสรุปความรู้ หลักฐานร่องรอยต่าง ๆ มานำเสนอแลกเปลี่ยนเรียนรู้และร่วมกันสรุปจัดเข้าระบบงานที่เป็นรูปแบบแนวทางเพื่อการพัฒนา
4.
การประยุกต์ใช้ความรู้
เป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยการนำรูปแบบแนวทางมาทดลองประยุกต์ใช้ความรู้
ความจริง บันทึกผลการทดลอง ทดลองซ้ำ จนมั่นใจในข้อมูล
นำผลการทดลองที่ได้แล้วประเมินสรุปผล
5.
การสรุปองค์ความรู้ เป็นการนำข้อมูลสารสนเทศ
ผลสรุปการทดลองมาเขียนเป็นเอกสารคู่มือดำเนินงานที่ประกอบด้วย
1.
ภาพรวมระบบของงาน
2.
ระบุคุณภาพและมาตรฐานของผลผลิตที่ต้องเกิดขึ้น
3.
ระบุกิจกรรมแสดงขั้นตอนการจัดการปฏิบัติการใช้ภาษาที่รัดกุม
สามารถเรียนรู้ทำตามได้
4.
ระบุปัจจัยดำเนินงานและมาตรฐานที่ต้องการเอกสารคู่มือดำเนินงานหรือองค์ความรู้
จะเป็นเอกสารความรู้ใช้ดำเนินงานและควบคุมการทำงานให้เกิดคุณภาพได้
จึงเป็นความรู้ที่ถูกยกระดับให้สูงขึ้นเป็นระยะ ๆ อย่างต่อเนื่อง
ใช้ปฏิบัติการสร้างความสำเร็จความเข้มแข็ง มั่นคง ยั่งยืน ให้กลุ่มอาชีพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น